เกาะปีนังถูกขนานนามว่าเป็น
“เกาะไข่มุกแห่งตะวันออก” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรมลายู
เป็นรัฐหนึ่งของมาเลเซีย เป็นเกาะตั้งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศมีพื้นที่ประมาณ
285 ตารางกิโลเมตร
กับส่วนที่อยู่บนพื้นแผ่นดินใหญ่และเป็นที่ตั้งของจอร์จทาวน์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ และเซอเบอรัง เปอไร ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งอีก 760 ตารางกิโลเมตร
สำหรับพื้นที่ทั้งสองส่วนถูกคั่นด้วยช่องแคบที่มีความกว้างเพียง 3 กิโลเมตร
ระหว่างท่าเรือเฟอรี่เมืองจอร์จทาวน์บนเกาะปีนังกับบัตเตอร์เวอร์ธบนฝั่งแผ่นดินใหญ่
เดิมทีไปมาหาสู่กันโดยเรือเฟอรี่ข้ามฟาก
แต่ปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียได้ทำการสร้างสะพาน (Panang Bridge)โดยเชื่อมแผ่นดินสองส่วนเข้าหากันด้วยระยะทางยาวกว่า 13.5 กิโลเมตร จากเมืองไปร
(Prai)ไปขึ้นฝั่งยังเกาะปีนัง
เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เกาะปีนังมีเมืองจอร์จทาวน์เป็นเมืองหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเป็นที่ตั้งของส่วน
ราชการ ศูนย์กลางการค้าการขนส่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชุมชนของคนจีนรองลงมาคือคนมาเลย์และคนเชื้อสายอินเดีย ด้วยเหตุนี้ภายในเมืองจอรจ์ทาวน์จึงเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมของคนสามเชื้อชาติ เช่น อาคารร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงเป็นห้องแถวสองชั้นยาวๆ ในยุคสมัยที่มาเลเซียเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ราชการ ศูนย์กลางการค้าการขนส่งมีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชุมชนของคนจีนรองลงมาคือคนมาเลย์และคนเชื้อสายอินเดีย ด้วยเหตุนี้ภายในเมืองจอรจ์ทาวน์จึงเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมของคนสามเชื้อชาติ เช่น อาคารร้านค้าต่างๆ ที่ยังคงเป็นห้องแถวสองชั้นยาวๆ ในยุคสมัยที่มาเลเซียเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ
ในขณะที่ทางด้านเหนือของเกาะปีนังมีหาดทรายที่สวยงามจึงเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ตหรูหลายแห่งจึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว
ส่วนทางด้านทิศตะวันออกและทิศใต้ของตัวเกาะเป็นนิคมอุตสหกรรมผลิตชิ้นส่วนสินค้าอีเล็คโทรนิคส์
เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ สร้างรายได้ให้กับประเทศมาเลเซียมหาศาล นอกจากนี้บนเกาะปีนังยังมีสนามบินนานาชาติปีนังมีเครื่องบินของสายการบินชั้นนำจากทั่วโลกขึ้นลงเป็นประจำทุกวันๆละหลายๆเที่ยวซึ่งรวมทั้งสายการบินไทยและสายการบินแอร์เอเซียนอกจากนี้แล้วยังใช้เป็นสนามบินพาณิชย์ขนส่งสินค้าอีกด้วย
และด้วยความสวยงามตามธรรมชาติและความหลากหลายทางวัฒนธรรมมีประวัติศาตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับชาติตะวันตกมาตลอดเกาะปีนังจึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วทุกมุมโลกเป็นอย่างดี
หมายเหตุ - บางคนก็เล่าว่า ลีกวนยู สร้างประเทศสิงคโปร์
ด้วยแนวคิดจากเมืองปีนัง นี่เอง .....
Gorge town
ที่นี่ Unesco ได้ให้การรับรองเป็นมรดกโลกทั้งเมืองครับ เมืองจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือส่วนมรดกโลกเข้มๆ แถวๆ กลางเมือง ส่วนรอบนอกที่พอจะมีตึกสมัยใหม่ แต่ด้วยความที่เป็นเมืองมรดกโลก เลยมีแต่ตึกหน้าตาแบบ colonial, ชีโนโปรตุกีส ต่อให้เป็น office ทันสมัยแค่ไหนตึกก็ต้องหน้าตา และเมืองนี้ไม่มีรถไฟฟ้า ต้องใช้รถเมล์แทน และก็มีรถถีบแนวๆ สามล้อถีบ (ซาเล้ง ) เรียกได้ว่าเอกลักษณ์ประจำเมือง
Queen Victoria Memorial Clocktower
โบสถ์ St. George’s Church เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายแองกลิแคนของอังกฤษ
ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้มีการก่อสร้างขึ้นปี 1818 โดยใช้แรงงานนักโทษ และเลียนแบบโบสถ์ St. George ที่ เมือง Madras ประตูทางเข้าของโบสถ์นี้ขนานนามตามชื่อนักบุญที่คุ้มครอง ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีลักษณะเป็นหลังคาครอบเพื่อเป็นที่ระลึกมอบให้แด่กัปตัน Francis Light
ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้มีการก่อสร้างขึ้นปี 1818 โดยใช้แรงงานนักโทษ และเลียนแบบโบสถ์ St. George ที่ เมือง Madras ประตูทางเข้าของโบสถ์นี้ขนานนามตามชื่อนักบุญที่คุ้มครอง ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีลักษณะเป็นหลังคาครอบเพื่อเป็นที่ระลึกมอบให้แด่กัปตัน Francis Light
City Hall and Town Hall
Koo Kong Si Temple
เป็นศาลเจ้าซึ่งสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ชาวจีนบรรพบุรุษของตระกูลคู
ผู้อพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีนเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ปีนังในศตวรรษที่ 19
การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อปี 1853 และแล้วเสร็จในปี 1898
โดยความร่วมมือของสมาคมผู้อพยพ
มีวัตถุประสงค์ก่อตั้งเป็นกงสิเพื่อช่วยดูแลอุปถัมภ์การทำธุรกิจสำหรับคนในครอบครัว
เพื่อน และผู้ร่วมธุรกิจ คูกงสิเป็นตัวอย่างงานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
เห็นถึงความปราณีตของงานสร้าง
ตัวอาคารมีความยิ่งใหญ่สง่างามโดยเลียนแบบงานโครงสร้างจากพระราชวังของจักรพรรดิจีน
ห้องโถงด้านใน งามวิจิตรด้วยลวดลายแกะสลักอันอ่อนช้อย โคมไฟ
และเครื่องประดับมากมาย ทำจากไม้ ซึ่งแสดงถึงความมีฝีมือของช่างศิลป์จากเมืองจีน
Batu Ferringhi Beach
บาตูเฟอรินกิ
คือชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปีนัง
ชายหาดทอดตัวขนานกับถนนริมชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจอร์จทาวน์
มีรีสอร์ทมาตรฐานระดับโลกตั้งเรียงรายไปตามชายหาด มีกิจกรรมในทะเลมากมาย
ยามพระอาทิตย์ตก
บาตูเฟอรินกิจะเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสถานครึกครื้นจากร้านขายสินค้ากลางแจ้งที่ขายสินค้าทุกชนิด
ตั้งแต่ของหรูหรา ไปจนถึงของที่ระลึก
ริมถนนเฟอรินกิวอล์คมีร้านค้าที่น่าสนใจมากมาย นอกจากนี้
คุณยังสามารถชมการสาธิตกรรมวิธีผลิตงานศิลปะหรือวาดผ้าบาติกที่ต้องใช้ความละเอียดปราณีตได้อย่างใกล้ชิด
Penang Hill
ยอดเขาปีนังฮิลล์
มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 830 เมตร
สามารถใช้เส้นทางการเดินขึ้นเขาโดยใช้ระยะเวลารวมทั้งสิ้นประมาณสี่ชั่วโมง
หรือเลือกเดินทางโดยรถกระเช้าไฟฟ้าในระยะเวลาที่สั้นกว่าเพียง 30 นาที และเมื่อขึ้นมาถึงยอดเขาจะได้สัมผัสอากาศเย็น กับวิวทิวทัศน์ที่งดงามของตัวเมืองจอร์ทาวน์
สะพานปีนังที่เชื่อมกับบัตอร์เวอร์ดและพื้นที่แนวยาวชายฝั่งทะเล
เพลิดเพลินกับทัศนียภาพแบบกว้างไกลสุดสายตา
Snake temple
วัดนี้มีแนวโน้มเป็นเพียงวัดเดียวในโลกที่มีคุณลักษณะไม่เหมือนใคร
ภายในวัดมีงูพิษอาศัยอยู่มากมาย โดยสามารถพบเห็นงูเหล่านี้ขดตัวอยู่ตามกระถางธูป
หรือก้านวงของธูปกำยานโดยไม่เลื้อยหนีไปไหน
ซึ่งเชื่อกันว่ากลิ่นควันของกำยานที่จุดบูชาในวัดแห่งนี้ทำให้งูเหล่านี้ไม่มีอันตราย
แต่เพื่อความปลอดภัยงูเหล่านี้ได้ถูกรีดพิษออกหมดแล้ว
จึงไม่มีอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาสักการะบูชา
ถึงกระนั้นผู้ที่แวะมาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้มักเป็นผู้ที่มีใจกล้าพอเท่านั้น
Bukit Jambul
แวะเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวชมนอกเมืองที่สวนกล้วยไม้และพืชพรรณไม้ดอก
สวนสาธารณะที่บูกิต แจมบุล (Bukit Jambul) แห่งนี้ยังมีส่วนที่น่าสนใจอื่นๆ
นอกเหนือจากสวนกล้วยไม้และพืชพรรณไม้ดอก ได้แก่ ฟาร์มสัตว์เลื้อยคลาน สวนตะบองเพชร
สวนกวาง สวนบ่อน้ำญี่ปุ่น และน้ำตกอีกหลายแห่ง รวมถึงมุมเครื่องปั้นดินเผาและร้านขายสินค้าจากงานฝีมือภายในท้องถิ่นอีกด้วย
Fort Cornwallis
Kek Lok Si Temple
เก็กลกสี่ รู้จักกันในอีกชื่อหนี่งคือ Temple
of Supreme Bliss กล่าวกันว่า
เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย และสวยงามที่สุดวัดหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตั้งอยู่ที่อีร์อิตัม แต่เดิมเชื่อกันว่าเนินเขาในบริเวณนี้ (ชื่อ “ฮีซาน”หรือเนินเขานกกระเรียน) มีฮวงจุ้ยดี
เหมาะกับการสร้างวัด แต่ในความจริง สาเหตุที่วัดแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
เป็นเพราะนักบวชลัทธิเต๋าและพระสงฆ์ศึกษาธรรมกันอยู่ที่นี่ วัดเก็กลกสี่
สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1893 พระภิกษุที่สร้างวัดนี้คือพระเปียว เหลียน
พระจีนจากมณฑลฟูเจี๊ยน
ท่านเลือกทำเลบนเชิงเขาเอเยอร์อิตัมแห่งนี้เป็นทำเลในการก่อสร้างวัดให้โดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกลเมื่อเดินทางมาจากเมืองจอร์จทาวน์
และ จักรพรรดิแมนจู กวนซูพระราชทานพระราชานุญาตให้สร้างวัด
รวมทั้งพระราชทานแผ่นจารึกและพระไตรปิฎกจำนวน 70,000 ฉบับแก่วัด
ในขณะที่จักรพรรดิพระองค์อื่น เช่น
จักรพรรดิกวางสี่และจักรพรรดินีฉือสี่แห่งราชวงศ์ชิงทรงศรัทธาวัดแห่งนี้อย่างมากและบริจาคสิ่งของมากมาย
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในวัดแห่งนี้ คือ Ban Po Thar (เจดีย์พระพุทธเจ้า
10,000 พระองค์) มีความสูง 30 เมตรใช้ระยะเวลาก่อสร้างกว่า
20 ปี สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1930
เจดีย์ดังกล่าวตกแต่งด้วยพระพุทธรูปสำริดและพระพุทธรูปศิลาขาวทั้งหมด 10,000 องค์ โดยสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระโพธิสัตว์ Tsi Tsuang Wang เนื่องจากองค์พระโพธิสัตว์ทรงเลือกที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ประสบทุกข์เข็ญแทนการเข้าสู่นิพพานหลังจากการตรัสรู้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามัคคีระหว่างนิกายมหายานและหินยาน
ลักษณะของเจดีย์เกิดจากการผสมผสานฐานเจดีย์แบบจีน ตัวเจดีย์ตามแบบไทย
และยอดเจดีย์แบบพม่าเข้าด้วยกัน และรูปหล่อเจ้าแม่กวนอิมสำริดสูง 30.2 เมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น